บริษัทส่วนใหญ่มักจะเลี่ยงหนทางที่จะทำให้เกิดความสนุก เพื่อต้องการให้พนักงานทำงานเต็มที่ และทำผลงานออกมาอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่เราเชื่อว่าทุกๆ คนที่ทำงานในออฟฟิศ ต้องอยากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ทำงานแล้วรู้สึกสนุก มีความสุขไปกับมัน และคงไม่มีใครชอบอยู่ในห้องทำงานที่น่าเบื่อ ทำงานแบบหดหู่ มีแต่บรรยากาศน่าอึดอัด

ซึ่งครั้งนี้เราจะมาบอกวิธีที่จะทำให้บรรยากาศการทำงานเต็มไปด้วยเรื่องสนุก ไปพร้อมๆ

กับผลลัพธ์การทำงานที่มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล แค่ลองทำตาม 5 ข้อด้านล่างนี้

1.Encourage breaks
บางบริษัทเข้าใจว่า การให้พนักงานทำงานติดต่อกันนานๆ 10 – 12 ชั่วโมงโดยไม่มีการพักเบรกเลย จะทำให้การทำงานมีความต่อเนื่อง งานมีประสิทธิภาพ และดีกว่าคนที่ทำงานแค่ 8 – 9 ชั่วโมง และมีพักเบรก ซึ่งจริงๆ แล้วการพักเบรกถือเป็นการรีเซ็ตความเหนื่อยล้า ช่วยผ่อนคลายความเครียดจากการทำงาน รีเฟรชความสดชื่นให้สมอง ช่วยโฟกัสในงานได้ดีขึ้น ดังนั้นคุณควรให้พนักงานได้พักเบรกบ้าง และจัดมุมพักผ่อนเพื่อรีแลกซ์ เช่น โซนธรรมชาติ ห้องเล่นวิดีโอเกม หรือเครื่องชงกาแฟพร้อมอาหารว่าง ฯลฯ

2.Organize challenges
จัดการแข่งขันที่ก่อให้เกิดมิตรภาพที่ดีระหว่างพนักงานบ้าง โดยไม่ต้องมีเรื่องงานไปเกี่ยวข้อง เพื่อให้พนักงานมีบรรยากาศการทำงานที่คึกครื้น อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมความรู้สึกของการแข่งขันไปในตัวให้แก่พนักงานแต่ละคนอีกด้วย เช่น แข่งฟุตบอล ชักเย่อ ตีแบด ตีปิงปอง ฯลฯ

3.Socialize offsite
จากเพื่อนร่วมงานธรรมดา อาจพัฒนาจนกลายเป็นเพื่อนกันจริงๆ ก็ได้ เพียงแค่หาโอกาสให้พนักงานมีเวลาร่วมกัน เช่น มีช่วงเวลาทานข้าวด้วยกัน และพูดคุยร่วมกันในบรรยากาศแบบสบายๆ หรือจะจัดปาร์ตี้แฮงก์เอาท์เบาๆ บางวันก็ได้ นอกจากนี้หากมีการจัดกิจกรรมอื่นๆ เช่น งานเลี้ยงสังสรรค์ประจำปี ท่องเที่ยวประจำปี ฯลฯ ก็จะช่วยทำให้การทำงานร่วมกันดีขึ้น สร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างแผนกต่างๆ แม้พนักงานในออฟฟิศอาจจะไม่ได้เป็นเพื่อนซี้กันหมดทุกคนก็ตาม

  

4.Celebrate achievements
การมอบรางวัลต่างๆ ให้กับพนักงาน เมื่อทำผลงานสำเร็จตามเป้าหมายของบริษัท เช่น การปรับเงินเดือน การเลื่อนตำแหน่ง โบนัส ฯลฯ ถือเป็นสิ่งที่ควรกระทำเพื่อเป็นการให้กำลังใจพนักงานจากทำงานหนัก เพราะหลังจากนั้นคุณจะได้ความรู้สึกดีๆ และสิ่งดีๆ ตอบแทนกลับมาอย่างเต็มที่จากพนักงานของคุณ แถมด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ และคุ้มค่า

5.Focus on productivity, not schedules
การจัดสรรเวลา หรือกฎระเบียบของแต่ละบริษัทอาจแตกต่างกัน บางที่อาจเข้มงวดกวดขัน ไม่มีการผ่อนปรนใดๆ แต่บางบริษัทอาจเข้าใจ มีความยืดหยุ่นต่อพนักงานตามความเหมาะสม เช่น อนุญาตให้เข้าสายได้เมื่อมีเหตุจำเป็น หรือหากมีกรณีฉุกเฉิน ก็อนุญาตให้ทำงานที่บ้านแทนได้ ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นกำลังใจ และทำให้มองเห็นถึงความมีเหตุมีผลของบริษัท จนทำให้พนักงานถวายตัว ทำงานให้แบบเต็มที่เต็มความสามารถ จนบริษัทไม่ต้องร้องขอ หรือเรียกร้องใดๆ

หากได้ลองนำวิธีเหล่านี้ไปปรับใช้กับออฟฟิศของคุณ เชื่อได้เลยว่าคุณจะสังเกตเห็นถึงความแตกต่างในทัศนคติ
และพฤติกรรมของพนักงานในทางที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน 

เพราะพวกเขาจะรู้สึกสนุกมากขึ้นผ่อนคลายมากขึ้น และที่ดีที่สุดคือ พวกเขาจะมีความพร้อมในการทำงานได้ดีขึ้น 
ซึ่งสุดท้ายแล้วมันจะเป็นผลดีต่อบริษัทของคุณมากที่สุดนั่นเอง